วิธีเลือกเครื่องออกกำลังกายสำหรับใช้ในบ้าน
การเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายสำหรับไว้ใช้ในบ้าน ให้เหมาะกับการใช้งาน
ให้คุณสนุกไปกับการออกกำลังกายในทุกๆครั้ง สามารถออกกำลังกายเมื่อไรก็ได้ที่บ้านของคุณ อีกทั้งช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง และยังเป็นการรักษาระยะห่างจากกันได้ด้วย (Social Distancing ) จะช่วยให้คุณได้เลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายสำหรับใช้งานในบ้านได้อย่างเข้าใจมากยิ่งขึ้น
1.การตั้งเป้าหมายในการออกกำลังกาย
การที่เรารู้เป้าหมายในการออกกำลังกายจะช่วยให้เราตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และปลอดภัย เช่น ต้องการทำให้สุขภาพแข็งแรง ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หรือเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางกาย อยากสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ต้องการจะลดน้ำหนัก หรือลดความอ้วน เพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูกในส่วนต่างๆ หรือต้องการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายให้กลับมาดีเหมือนเดิม
2.อายุของผู้ใช้เครื่องออกกำลังกาย และสภาพร่างกายของผู้ที่จะออกกำลังกาย
อายุ หรือวัยมีความสำคัญต่อการเลือกเครื่องออกกำลังกายอย่างยิ่ง เพราะ การปั่นจักรยาน การเล่นเวทในท่าต่างๆ การวิ่งบนลู่วิ่ง การวิ่งบน Elliptical หรือเครื่องเดินวงรี ที่สามารถออกกำลังกายได้ทุกสัดส่วน การออกกำลังกายมีความหนัก ความเบาไม่เท่ากัน มีผลโดยตรงกับคนที่อายุไม่เท่ากัน โดยเฉพาะเรื่องอัตราการเต้นของหัวใจ ส่วนคนที่อายุน้อยจะสามารถออกกำลังกายที่หนักได้มากกว่า และสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน ความยืดหยุ่นของคนที่อายุไม่เท่ากัน จะเห็นได้ชัดเจน เช่น คนวัยหนุ่มสาวสามารถออกกำลังกายได้หลากหลายรูปแบบ
3.ความชอบในการออกกำลังกาย
เช่น หากคุณเป็นคนชอบวิ่ง ชอบปั่น ชอบความเร็ว หรือชอบการออกกำลังกายแบบสบายๆ เพื่อจะได้เลือกเครื่องหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสมกับตัวคุณ แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่ชอบออกกำลังกาย หรือไม่รู้เพราะไม่เคยออกกำลังกายในแต่ละอุปกรณ์ โดยอาจจะดูที่การตั้งเป้าหมาย เพื่อจะได้ออกกำลังกายให้สำเร็จตามเป้าหมาย
4. น้ำหนักผู้ใช้ที่สูงที่สุด
เพื่อที่จะได้สามารถเลือกขนาดของเครื่องออกกำลังกายได้เหมาะสม โดยเครื่องออกกำลังกายแต่ละขนาด ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานและน้ำหนักของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน เช่น เครื่องวิ่งไฟฟ้าแบบใช้ในบ้าน ถ้ารุ่นเล็กจะสามารถรองรับน้ำหนักผู้ใช้ได้สูงสุดที่ 100 กิโลกรัม พอขยับรุ่นใหญ่ขึ้นมาก็สามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น เช่นเดียวกับเครื่องวิ่งไฟฟ้าที่ใช้ในฟิตเนสก็สามารถรับน้ำหนักผู้ใช้ได้ถึง 150 – 200 กิโลกรัม เป็นต้น
5. ขนาดพื้นที่ในการวางเครื่องออกกำลังกาย
พื้นที่ในการวางเครื่องออกกำลังกายมีขนาดเท่าไร อุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายนั้นมีขนาดที่แตกต่างกัน โดยเฉลี่ย เครื่องวิ่งไฟฟ้า หรือลู่วิ่งไฟฟ้า ควรจะมีพื้นที่ในการวางอย่างน้อย กว้าง 1 เมตร x ยาว 1.80 เมตร จักรยานนั่งปั่น และ Elliptical หรือเครื่องเดินวงรีจะมีขนาดประมาณ ความกว้าง 65 -90 ซ.ม. x ความยาว 1-1.60 เมตร หรือทำการวัดพื้นที่ในการวางเพื่อความมั่นใจว่าจะสามารถวางได้แน่นอนก่อนทำการซื้อเครื่องออกกำลังกาย
6. งบประมาณในการซื้อเครื่องออกกำลังกาย
เครื่องออกกำลังกายแต่ละประเภท หรือแต่ละรุ่นมีช่วงราคาที่ต่างกัน หากคุณรู้งบประมาณที่มีก็จะสามารถตัดสินใจเลือกรูปแบบหรือรุ่นที่ดี ที่เหมาะสม รวมทั้งจำนวนของเครื่องได้พอดี เพื่อเป็นไปตามเป้าหมายในการออกกำลังกายของคุณ และจำนวนสมาชิกในบ้านจะได้มีโอกาสมาออกกำลังกายด้วยกันได้
ข้อควรรู้!!
การเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า
เครื่องนี้ให้คุณสามารถเดินหรือวิ่งในบ้าน บางรุ่นมีพื้นผิวที่มีความยืดหยุ่น เลือกใช้ลู่วิ่งที่มีเครื่องยนต์ การเลือกซื้อให้เลือกมองหามอเตอร์ที่แข็งแกร่ง จะทำให้เครื่องมีอายุการใช้งานนานขึ้น สายพานที่ยาวและกว้างพอสำหรับการเดินหรือวิ่งของคุณ กรอบที่แข็งแรงพร้อมรางด้านหน้าเพื่อความปลอดภัยและมีอุปกรณ์หยุดฉุกเฉิน รวมถึงสามารถปรับความเร็วและระดับเพื่อให้สามารถเดินหรือวิ่งได้อย่างสบาย
การวัดพื้นที่ออกกำลังกายและขนาดลู่วิ่ง
การวัดพื้นที่ที่คุณต้องการวางลู่วิ่ง ลู่วิ่งแบบพับได้ให้วัดพื้นที่ใดก็ได้ (ยาว x กว้าง x สูง) ที่คุณต้องสำรองไว้สำหรับการจัดเก็บ โดยปกติขนาดของลู่วิ่งจะมีบอกในสเปคสินค้าอยู่แล้ว
มอเตอร์ลู่วิ่ง เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการพิจารณาว่ามอเตอร์สามารถใช้พลังงานได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับที่จุดสูงสุด มอเตอร์ลู่วิ่งที่บ้านส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง 2.25 ถึง 4.25 CHP และลู่วิ่งที่มีมอเตอร์ 1.5 CHP หรือ 5.0 CHP มีเป็นส่วนน้อย หากต้องการมอเตอร์ไฟฟ้า treadmill แบบไหน ขึ้นอยู่กับการวางแผนและเป้าหมายการออกกำลังกาย ที่จะได้จากลู่วิ่งและจากน้ำหนักตัวของคุณ สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักมากถึง 200 ปอนด์หรือ 90 กิโลกรัม
- การเดิน : เลือก 2.0 CHP หรือสูงกว่า
- จ๊อกกิ้ง : เลือก 2.5 CHP หรือสูงกว่า
- วิ่ง : เลือก 3.0 CHP หรือสูงกว่า
การเลือกซื้อเครื่องเดินวงรี หรือ Elliptical
เป็นหนึ่งในเครื่องออกกำลังกายคาร์ดิโอที่ได้รับความนิยม เหมาะกับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แต่ไม่ต้องการการกระทบกระเทือนต่อ เข่า และ ข้อเท้า มากเกินไป เวลาใช้งานผู้ออกกำลังกายจะเหมือนเดินอยู่บนอากาศ และ ยังสามารถออกกำลังกายได้ทั้งร่างกายส่วนบน Upper Body และ ส่วนล่าง Lower Body อีกด้วย เช่น ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตราฐาน ผู้สูงอายุ ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากการวิ่งแต่ยังคงอยากออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ รวมไปถึง คนปกติที่ต้องการออกกำลังกายด้วยเช่นกัน
ช่วงก้าว Stride Length
ช่วงก้าวของเครื่องเดินวงรี เป็นข้อมูลที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อ เพราะผู้ใช้งานเครื่องเดินวงรีจะไม่สามารถวิ่งหรือเดินอย่างอิสระเหมือนลู่วิ่ง เราจึงต้องเลือกเครื่องเดินวงรีที่มีความยาวของช่วงก้าวที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน โดยดูที่ความสูงของผู้ใช้งานเป็นหลัก ดังนี้
- ความสูงผู้ใช้ ต่ำกว่า 160 ซม. ควรใช้เครื่องเดินวงรีที่มีช่วงก้าว 16 – 18 นิ้ว
- ความสูงผู้ใช้ 160 – 170 ซม. ควรใช้เครื่องเดินวงรีที่มีช่วงก้าว 18 – 20 นิ้ว
- ความสูงผู้ใช้ มากกว่า 170 ซม. ควรใช้เครื่องเดินวงรีที่มีช่วงก้าว 20 – 22 นิ้ว
การสร้างแรงต้าน หรือ Resistance สำหรับเครื่องออกกำลังกายนั้น ก็เพื่อให้ผู้ใช้สามารถฝึกและปรับความเข้มข้นของการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตัวเองได้ ซึ่งเครื่องเดินวงรี จะมีการสร้างแรงต้านอยู่ 3 ระบบ คือ
- ระบบเสียดสีด้วยสายพานไนลอน (Brake Resistance) เป็นการใช้ สายพานไนลอน เสียดสีกับ ล้อของเครื่องเดินวงรี ทำให้เกิดแรงต้านขึ้น การปรับแรงต้านทำได้โดยหมุนปรับความตึง หย่อน ของสายพานไนลอนนั่นเอง การทำแบบนี้จะทำให้เกิดเสียงดัง
- ระบบแม่เหล็ก (Magnetic Resistance) เป็นการใช้แม่เหล็กกำลังสูงมาสร้างแรงต้านให้กับจานล้อ เมื่อผู้ใช้ต้องการปรับแรงต้านให้มากขึ้น ก็คือปรับตัวแม่เหล็กให้เข้าใกล้จานล้อมากขึ้น ระบบนี้จะ ไม่มีเสียง ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลเวลาวิ่งหรือเดิน
- ระบบไฟฟ้า (Electric Resistance) ลักษณะจะคล้ายกับระบบแม่เหล็ก เพียงแต่ใช้ไฟฟ้าในการสร้างแรงต้านของแม่เหล็กขึ้นมา จึงทำให้ระบบนี้สามารถปรับแรงต้านได้หลากหลาย และ สามารถสร้างเป็นโปรแกรมออกกำลังกายได้หลากหลายตามแรงต้านอีกด้วย แต่ต้องเสียบสายไฟเข้ากับเครื่องตลอดเวลาที่ใช้งาน และ ถ้ามีปัญหาเรื่องไฟฟ้า (ไฟดับ หรือ เครื่องเสีย) ก็จะไม่สามารถใช้งานเครื่องได้นั่นเอง
อย่าลืม!! ดูรายละเอียดการรับประกันสินค้า
เป็นเรื่องสำคัญเพราะเครื่องออกกำลังกาย เป็นอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน และหากมีส่วนใดๆ ชำรุด ก็สามารถเปลี่ยนหรือซ่อมแซมได้ ร้านค้าส่วนใหญ่มักจะประกันสินค้าอยู่ที่ 1 ปี และควรศึกษาเงื่อนไขการรับประกันให้ละเอียด หรือ สอบถามจากร้านค้าโดยตรง เพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างถูกต้องชัดเจน
ที่มา:https://www.treadmillreviews.net/treadmill-buyers-guide/
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่
? โทร .02-751-9360
? โทร .090-090-6797
Add Line https://lin.ee/aNh3uZF
Facebook : https://www.facebook.com/Johnsonfitness.TH/